วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
ฝึกสมอง..ให้เป็นคนเก่ง
อย่าทำงานซ้ำซ้อนในเวลาเดียวกันเพราะอาจเกิดการผิดพลาดได้ง่าย นอกจากนี้ การแข่งขันยังช่วยกระตุ้นสมองให้โลดแล่นอีกด้วย
"การฝึกฝนทำให้คุณเป็นคนเก่ง" นี่คือคำกล่าวของนักประสาทวิทยาชาวสวีเดน โทร์เคล คลิงเบิร์ก ว่าคนเราควรทำอย่างไรให้ได้ข้อมูลและมีความเข้าใจมากที่สุด โดยที่เราไม่ต้องใช้สมองจนเกินกำลังหรือไม่ทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย เนื่องจากสมองทำงานอย่่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดในระยะเวลาที่จำกัด แต่เราก็มีวิธีที่จะใช้ศูนย์ความคิดของเราให้ มีประโยชน์มากที่สุดเช่นกัน
Multitasking คุณกำลังเดินทางไปพบปะพูดคุยธุรกิจและระหว่างทางครุ่นคิดวิธีการเจรจาตกลงต่างๆ คุยโทรศัพท์หรือเขียนจดหมาย แต่การทำงานหลายๆอย่างในคราวเดียวกันมีความเสี่ยงกับความผิดพลาดในการส่งอีเมลล์ผิดให้กับคู่เจรจา ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ทำงานหรือธุระใดๆก็ตามให้เป็นไปตามลำดับ อย่าทำงานหลายอย่างในคราวเดียวกันเพื่อป้องกันการผิดพลาด
สัญชาตญณบอกคุณได้ดีกว่าสมอง ในแต่ละวันเรามีเรื่องต้องตัดสินใจประมาณ 20,000 เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องในชั่วพริบตา และคนเป็นจำนวนมากที่ตัดสินใจโดยไม่รู้ตัว เช่น การทักทาย และออกความเห็นในที่ประชุม โดยเฉพาะคนที่ทำงานในออฟฟิต ที่มีเงื่อนไขของเวลาเป็นเรงกดดันในการตัดสินใจ นักจิตวิทยาจึงแนะนำให้ฟังเสียงความรู้สึกของตัวเองหรือสัญชาตญาณที่เรานำไปใช้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็ทำให้มีทางเลือกที่เร็วกว่าในการตัดสินใจแบบสายฟ้าแลบ เนื่องจากการตัดสินใจแบบในชั่วพริบตาจำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์ แต่ในกรณีที่คุณต้องตัดสินใจเรื่องที่ไม่เชี่ยวชาญก็ควรปรึกษาและขอความเห็นจากผู้ใหญ่ที่มีความรู้และประสบการณ์จะดีกว่า
กลิ่นกาแฟช่วยกระตุ้นเซลล์สมอง หากจำเป็นต้องตื่นแต่เช้าเพราะมีงานด่้วน ยังรู้สึกงัวเงีย สมองยังไม่แล่นเพราะนาฬิกาชีวิตยังปรับไม่ทันความจำเป็นของคุณ สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือกาแฟสักหนึ่งถ้วย ลำพังกลิ่นกาแฟในตอนเช้าก็มีผลกระตุ้นสมองให้ตื่นตัว นี่คือผลการศึกษาจากนักวิจัยชาวญี่ปุ่น เพื่อนร่วมงานของคุณก็คงจะยินดีที่จะได้กาแฟสักหนึ่งถ้วยจากคุณและคุณก็ยังได้สูดกลิ่นกาแฟไปด้วยการแข่งขันกระตุ้นสมอง ถ้าเรารู้ว่าเราต้องแข่งขันกับใครสักคน มันจะกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนไปทั่วบริเวณสมองหรือที่เรียกกันว่า "ศูนย์รับรางวัล" เพราะจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยบอลล์ในประเทศเยอรมนี โดยการให้อาสาสมัครแข่งขันกัน หากใครตอบถูกจะได้รางวัล 120 ยูโร และมีการแสดงให้เห็นถึงปฏิกิริยาของสมองจากภาพสแกน ผลก็คือ มีเลือดไหลเวียนสูงสุดที่ศูนย์รับรางวัลของผู้เข้าแข่งขันระหว่างตอบคำถาม
สมาธิเพิ่มเมื่อมีงาน เสียงโทรศัพท์ ผู้ร่วมงานหัวเราะ มีอีเมล์ที่ต้องตอบ งานหลายๆอย่างประเดประดังเข้ามาใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าคุณจะตั้งสมาธิได้ ทั้งนี้ นักจิตวิทยาชาวอังกฤษพบว่า การมีสมาธิขึ้นอยู่กับงานยากหรือง่าย หากเป็นงานยาก สมองก็จะมีสมาธิกับงานอย่างอัตโนมัติ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณมีอารมณ์เศร้า ก็อย่าจมปลักกับงานที่ทำเป็นประจำเพราะมันอันตรายกับสมองในการใช้งานเกินกำลัง คุณควรเรียนรู้สิ่งใหม่ๆบ้าง เพราะมีการพิสูจน์มาแล้วว่าโครงสร้างสมองของผู้ใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อได้เรียนสิ่งใหม่ๆและกระบวนการเรียนรู้ทุกอย่างจะเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมองทำให้แข็งแรงขึ้น และยังก่อให้เกิดเซลล์ใหม่ๆด้วย ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ
สมองทำงานเหมือน Google จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า เมื่อคนคิดถึงคำ ศูนย์ความคิดของคนเราจะทำหน้าที่คล้ายๆกับ Google คือคิดตามลำดับ เช่น 1 2 3
สมองต้องออกกำลัง แม้เราจะไม่ค่อยได้บริหารสมองด้วยการคำนวณหรือทายปริศนาอักษรไขว้ เราก็สามารถช่วยให้สมองฟิตได้ เพราะจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมิชิแกนได้ชี้ให้เห็นว่า การมีสังคมกับผู้คนสามารถช่วยให้สมองตื่นตัวได้เหมือนการบริหารสมอง
"การฝึกฝนทำให้คุณเป็นคนเก่ง" นี่คือคำกล่าวของนักประสาทวิทยาชาวสวีเดน โทร์เคล คลิงเบิร์ก ว่าคนเราควรทำอย่างไรให้ได้ข้อมูลและมีความเข้าใจมากที่สุด โดยที่เราไม่ต้องใช้สมองจนเกินกำลังหรือไม่ทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย เนื่องจากสมองทำงานอย่่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดในระยะเวลาที่จำกัด แต่เราก็มีวิธีที่จะใช้ศูนย์ความคิดของเราให้ มีประโยชน์มากที่สุดเช่นกัน
Multitasking คุณกำลังเดินทางไปพบปะพูดคุยธุรกิจและระหว่างทางครุ่นคิดวิธีการเจรจาตกลงต่างๆ คุยโทรศัพท์หรือเขียนจดหมาย แต่การทำงานหลายๆอย่างในคราวเดียวกันมีความเสี่ยงกับความผิดพลาดในการส่งอีเมลล์ผิดให้กับคู่เจรจา ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ทำงานหรือธุระใดๆก็ตามให้เป็นไปตามลำดับ อย่าทำงานหลายอย่างในคราวเดียวกันเพื่อป้องกันการผิดพลาด
สัญชาตญณบอกคุณได้ดีกว่าสมอง ในแต่ละวันเรามีเรื่องต้องตัดสินใจประมาณ 20,000 เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องในชั่วพริบตา และคนเป็นจำนวนมากที่ตัดสินใจโดยไม่รู้ตัว เช่น การทักทาย และออกความเห็นในที่ประชุม โดยเฉพาะคนที่ทำงานในออฟฟิต ที่มีเงื่อนไขของเวลาเป็นเรงกดดันในการตัดสินใจ นักจิตวิทยาจึงแนะนำให้ฟังเสียงความรู้สึกของตัวเองหรือสัญชาตญาณที่เรานำไปใช้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็ทำให้มีทางเลือกที่เร็วกว่าในการตัดสินใจแบบสายฟ้าแลบ เนื่องจากการตัดสินใจแบบในชั่วพริบตาจำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์ แต่ในกรณีที่คุณต้องตัดสินใจเรื่องที่ไม่เชี่ยวชาญก็ควรปรึกษาและขอความเห็นจากผู้ใหญ่ที่มีความรู้และประสบการณ์จะดีกว่า
กลิ่นกาแฟช่วยกระตุ้นเซลล์สมอง หากจำเป็นต้องตื่นแต่เช้าเพราะมีงานด่้วน ยังรู้สึกงัวเงีย สมองยังไม่แล่นเพราะนาฬิกาชีวิตยังปรับไม่ทันความจำเป็นของคุณ สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือกาแฟสักหนึ่งถ้วย ลำพังกลิ่นกาแฟในตอนเช้าก็มีผลกระตุ้นสมองให้ตื่นตัว นี่คือผลการศึกษาจากนักวิจัยชาวญี่ปุ่น เพื่อนร่วมงานของคุณก็คงจะยินดีที่จะได้กาแฟสักหนึ่งถ้วยจากคุณและคุณก็ยังได้สูดกลิ่นกาแฟไปด้วยการแข่งขันกระตุ้นสมอง ถ้าเรารู้ว่าเราต้องแข่งขันกับใครสักคน มันจะกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนไปทั่วบริเวณสมองหรือที่เรียกกันว่า "ศูนย์รับรางวัล" เพราะจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยบอลล์ในประเทศเยอรมนี โดยการให้อาสาสมัครแข่งขันกัน หากใครตอบถูกจะได้รางวัล 120 ยูโร และมีการแสดงให้เห็นถึงปฏิกิริยาของสมองจากภาพสแกน ผลก็คือ มีเลือดไหลเวียนสูงสุดที่ศูนย์รับรางวัลของผู้เข้าแข่งขันระหว่างตอบคำถาม
สมาธิเพิ่มเมื่อมีงาน เสียงโทรศัพท์ ผู้ร่วมงานหัวเราะ มีอีเมล์ที่ต้องตอบ งานหลายๆอย่างประเดประดังเข้ามาใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าคุณจะตั้งสมาธิได้ ทั้งนี้ นักจิตวิทยาชาวอังกฤษพบว่า การมีสมาธิขึ้นอยู่กับงานยากหรือง่าย หากเป็นงานยาก สมองก็จะมีสมาธิกับงานอย่างอัตโนมัติ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณมีอารมณ์เศร้า ก็อย่าจมปลักกับงานที่ทำเป็นประจำเพราะมันอันตรายกับสมองในการใช้งานเกินกำลัง คุณควรเรียนรู้สิ่งใหม่ๆบ้าง เพราะมีการพิสูจน์มาแล้วว่าโครงสร้างสมองของผู้ใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อได้เรียนสิ่งใหม่ๆและกระบวนการเรียนรู้ทุกอย่างจะเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมองทำให้แข็งแรงขึ้น และยังก่อให้เกิดเซลล์ใหม่ๆด้วย ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ
สมองทำงานเหมือน Google จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า เมื่อคนคิดถึงคำ ศูนย์ความคิดของคนเราจะทำหน้าที่คล้ายๆกับ Google คือคิดตามลำดับ เช่น 1 2 3
สมองต้องออกกำลัง แม้เราจะไม่ค่อยได้บริหารสมองด้วยการคำนวณหรือทายปริศนาอักษรไขว้ เราก็สามารถช่วยให้สมองฟิตได้ เพราะจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมิชิแกนได้ชี้ให้เห็นว่า การมีสังคมกับผู้คนสามารถช่วยให้สมองตื่นตัวได้เหมือนการบริหารสมอง
วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
5 ตุ๊กตา ยอดฮิตระดับโลก
1. Barbie กำเนิดอย่างเป็นทางการในปี 1959 ในงานอเมริกันทอย แฟร์ หลังจากมีการก่อตั้งบริษัท แมตเทล ในปี 1944 โดยเอลเลียด แฮนด์เลอร์ และ ฮาโรลด์ แมคสัน ซึ่งภายหลังแมคสันขายเลอร์หุ้นส่วนหนึ่งของตัวเองให้แฮนด์เลอร์ ทำให้แฮนด์เลอร์กับภรรยาของเขาเข้ามาทำธุรกิจนี้อย่างเต็มตัว ในงานของเล่นที่นิวยอร์ก เมื่อปี 1959 แมตเทลจึงออกผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า "บาร์บี้" เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นตุ๊กตานางแบบวัยรุ่นที่สวมชุดว่ายน้ำลายขาวดำ พร้อมกับแว่นกันแดดสุดเปรี้ยว รองเท้าส้นสูง ตุ้มหูห่วงสีทอง และผมหางม้าสูง 29 เซนติเมตร หนัก 11 ออนซ์ โดยชื่อบาร์บี้นั้นมาจากชื่อลูกสาวของแฮนด์เลอร์ ต่อมาตุ๊กตาบาร์บี้ได้รับความนิยมอย่างสูง จึงทำให้มีสร้างเป็นเรื่องราวออกมาว่าบาร์บี้เกิดที่ เมืองวิลโลว์ ที่วิสคอนชิน มีชื่อจริงว่า บาร์นี้ มิลลิเซ็นต์ โรเบิร์ดส์ เป็นบุตรสาวของ มาการ์เร็ด โรเบิร์ดส์ กับ โรเบิร์ด โรเบิร์ดส์ โดยมีน้องสาว ชื่อว่า สกิปเปอร์ ทูตติสเคซี และเคลลี พร้อมเพื่อนสนิทอย่างมิดจ์ บาร์บี้ได้เข้าเรียนในระดับไฮสคูลที่โรงเรียนวิลโลว์ ในเมืองวิลโลว์ รัฐวิสคอนชิน และเริ่มออกเดทกับเคนในปี 1961 ทั้งสองเป็นคู่รักที่สวีทกันมาตลอดว่า 40 ปี แต่แล้วความเปลี่ยนแปลงก็มาถึง กระแสของการแสวงหารักใหม่เข้ามามีบทบาทเหมือนคนจริงๆ เพราะสาวบาร์บี้แอบมีกิ๊กจนเลิกกับเคนในปี 2005 หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตสาวโสดอย่างสนุกสนามตามเทรนด์แฟชั่นที่เข้ามาในแต่ละปี การผลิตเสื้อผ้าให้ตุ๊กตาบาร์บี้นั้นมีแบบต่างๆ ให้เลือกมากกว่า 500 แบบ จำหน่ายในกว่า 150 ประเทศ มียอดจำหน่ายมากกว่า 1 พันล้านตัว ราคาบาร์บี้สำหรับเด็กประมาณตัวละ 400-500 บาท หากเป็นรุ่นสะสม ก็จะมีราคา 1,100 บาทขึ้น แต่ถ้าเป็นรุ่นเก่าหายาก ก็จะมีราคาตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทขึ้นไปครับ
2. Teddy Bear กำเนิดอย่างเป็นทางการในปี 1903 ที่เยอรมัน โดยในครั้งแรกยังไม่ได้เรียกมันว่าหมีเท็ดดี้ จนกระทั่ง เทโอดอร์ รูสเวลท์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น ซึ่งเป็นคนที่ชอบล่าหมีเป็นชีวิตจิตใจ จนมีนักวาดการ์ตูนคนหนึ่งเขียนภาพล้อเลียนโดยมีเจ้าหมีตัวเล็กๆ อยู่ข้างหลังตลอดเวลา ทำให้ทุกคนเรียกหมีตัวนั้นว่าเจ้าเท็ดดี้ต่อมาพ่อค้าหัวใสขาวอเมริกันได้สั่งซื้อตุ๊กตาหมีจาก นางมาการ์เร็ต เท ซึ่งเป็นผู้ออกแบบจำนวน 3,000 ตัว ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้จึงกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการนับแต่บัดนั้นเมื่อตุ๊กตาหมีขายดีขึ้นเรื่อยๆ จึงเกิดการเลียนแบบกันมากขึ้น ทำให้หลานชายของนางมาการ์เร็ต เท ต้องสร้างเอกลักษณ์ของตัวตุ๊กตาขึ้นมาโดยทำเป็นกระดุมติดอยู่ที่หู และมีแถบผ้าชิ้นเล็กๆ เขียนว่า Steiff ซึ่งก็คือชื่อบริษัทผู้ผลิตนั่นเอง ปัจจุบันบริษัท Steiff ผลิตตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ประมาณปีละ 1.5 ล้านตัว โดยหมีเท็ดดี้ที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์คือ หมีที่ทำขึ้นในปี ค.ศ.2000 ที่มีชื่อว่า Teddybr "Louis Vuittan" ในปี 2000 ที่มีมูลค่ารวมแล้วประมาณ 2 แสนยูโร เหตุที่มันแพงขนาดนี้ก็เพราะทำด้วยมือ มีชุดและเครื่องประดับ แถมยังมีลายปักอีกด้วย เมื่อนำไปประมูลราคาจึงสูงมาก โดยผู้ชนะการประมูลในครั้งนั้นเป็นชาวเกาหลีที่นิยมสะสมของหายาก
3. Kitty คิตตี้เป็นตัวการ์ตูนลิขสิทธิ์ของบริษัท Sanrio ประเทศญี่ปุ่น สร้างเมื่อปี 1974 โดย อิคุโกะ ชิมิซุ หลังจากนั้น เซ็ตสึโกะ โยนิคุโบะ ก็ได้มาสานงานต่อ และส่งมอบให้ ยูโกะ ยามางูชิ ออกแบบเฮลโล คิตตี้มาเป็น อย่างที่เห็นในปัจจุบัน คิตตี้นั้นโด่งดังไปทั่วโลก และปรากฎตามสินค้าต่างๆ มากมาย ทั้งบนกระดานวาดภาพ,โมเดลพลาสติกเล็กๆ ต่อมาในปี 1976 คิตตี้เริ่มปรากฏอยู่ตามกล่องอาหารชุด และไม่นานคิตตี้ก็ได้กลายมาเป็นการ์ตูนนั่นคือเรื่อง Hello Kitty's Furry Tale Theatre ที่ออกอากาศในปี 1987 ก่อนที่ในปี 1991 จะมีการสร้างการ์ตูนชุดออกมาในสหรัฐอเมริกา คือเรื่อง Hello Kitty and Friends จากนั้นประเทศญี่ปุ่นได้สร้าง Hello Kitty's Paradise ความยาว 16 ตอนออกอากาศในปี 1993-1994 และมีการนำไปแปลงเป็นภาษาอังกฤษด้วย คิตตี้นั้นมีพื้นที่แสดงของตนเองที่เมืองมีชื่อว่า "Sanrio Puroland" อยู่ที่เมืองทามะ ประเทศญี่ปุ่น ที่สามารถดึงดูดคนได้มากกว่า 1.4 ล้านคนต่อปี และในปี 1991 ที่คิวชู ญี่ปุ่นถึงกับมีการสร้างสวนสาธารณะที่เป็นเสมือนอาณาจักรของคิตตี้ก็ว่าได้ ส่วนเรื่องราวย่อๆ ของคิตตี้มีดังนี้ครับ คิตตี้นั้นเกิดเดือนพฤศจิกายน ปี 1974 มีพี่น้องฝาแฝดชื่อ มิมมี่ ชอบทำคุกกี้ให้คิตตี้กิน คิตตี้ชอบกินของความหลายชนิด อย่างลูกกวาด พายแอปเปิล ฝีมือคุณแม่ คิตตี้ชอบสะสมดวงดาวเล็กๆ ปลาทอง เหรียญเงินและริบบิ้น ตั้งแต่พ่อของเธอไปทำงานที่นิวยอร์ค เธอก็มีเพื่อนมากมาย คิตตี้ชอบผู้ชายใจดีและเป็นมิตร รักครั้งแรกของคิตตี้คือหนุ่มที่ชื่อ Dear Danlel แต่ไม่นานเขาก็ต้องจากไปเพราะเดินทางตามครอบครัวไปแอฟริกา คิตตี้จึงได้มาคบกับ Tippy หมีเพื่อนร่วมชั้นเรียน
4. Blythe กำเนิดอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1972 จากโรง Kenner สหรัฐอเมริกา ในตอนแรกได้จัดทำตุ๊กตาออกมาถึง 4 แบบคือ Blythe, Karess, Willow และ Skye ต่อมาทางโรงงานก็ได้จ้างดีไซน์เนอร์มาช่วยออกแบบให้ ซึ่งทำให้ตุ๊กตาสามารถเปลี่ยนสีลูกตาได้ แถมมีเครื่องแต่งกายมากมายที่สลับสับเปลี่ยนกันแทบไม่รู้จบ อย่างไรก็ตาม แต่แทนที่จะไปได้สวยกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะหน้าตาและสีสันของมันทำให้เด็กกลัวมาก จนต้องหยุดผลิตทั้งที่เปิดตัวได้เพียงแค่ปีเดียว ไม่นานนักก็เลิกใจการไปถึง 30 กว่าปี หลังจาก 30 ปีผ่านไป ตุ๊กตาไบลทธ์ก็กลับมาอีกครั้ง และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากการที่ Gina Garan โปรดิวเซอร์สาวชาวอเมริกาได้รับมอบตุ๊กตาจากเพื่อน และเธอก็พาไบลทธ์ไปกับเธอแทบทุกที่ทั่วโลก และถ่ายภาพจากกล้อง SLR โดยมี Blythe เป็นนางแบบ ภาพของเธอถูกนำมารวมเป็นหนังสือชื่อ This is Blythe และ Finecracker Altemative Book ผลก็คือ Gina Garan โด่งดังและนำพาให้ตุ๊กตาไบลทธ์ก็กลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง และเมื่อบริษัท Tokoro ของประเทศญี่ปุ่นได้ลิขสิทธิ์ผลิตตุ๊กตา จึงทำการประชาสัมพันธ์จนทำให้ไบลทธ์เป็นที่รู้จักมากมาย ด้วยการยกให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดัง และทำให้มีส่วนร่วมกับวงการแฟชั่นด้วยการหาแบรนด์เนมต่างๆ มาสนับสนุนทำให้วันนี้ไบลทธ์ กลายมาเป็นตุ๊กตาที่มีราคาขึ้นมาทันที ปัจจุบันราคาอยู่ที่หลักหลักพันจนไปถึงหมื่นบา
5. Rika-Chan กำเนิดอย่างเป็นทางการ ค.ศ. 1967 โดยบริษัททาคาระ หลังจากที่นักเขียนการ์ตูนชื่อนาง มิยาโกะ มากิ ได้สร้างสรรค์ตุ๊กตาริกะจังขึ้นมาให้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคนญี่ปุ่นมากกว่าชาวยุโรป ก็ทำให้เด็กสาวชาวญี่ปุ่นในสมัยนั้นเพลิดเพลินกับการเล่นตุ๊กตาเป็นพิเศษ เพราะตุ๊กตาริกะจังมีรูปแบบการแต่งตัวตามแฟชั่นและการเล่นไม่แพ้ตุ๊กตาบาร์บี้เลยทีเดียว ยอดขายของริกะจังนั้นสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 53 ล้านตัวทั่วโลกแล้ว และในโอกาสที่มีการเปิดตัวริกะจังในวาระครบรอบ 35 ปี ทางบริษัทโทมี่ได้จัดทำตุ๊กตาริกะจังแบบพิเศษขึ้นมา โดยตัวที่เห็นอยู่ซ้ายมือสุดนี้ที่สูง 22 เซนติเมตร ประดับเพชร 51,433 กะรัด จำนวน 881 เม็ด มูลค่า 935,000 คอลลาร์ หรือราว 31.8 ล้านบาทเลยล่ะครับ
วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2552
ฝรั่งเศสยังจลาจลตร.เจ็บระนาวเกินครึ่งร้อย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเหตุจลาจลในชานกรุงปารีสทางทิศเหนือยังดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยเมื่อคืนวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจได้ปะทะกับกลุ่มวัยรุ่นกว่า 100 คน ในเขตวิลลิเยส์-เลอเบล โดยแก๊งวัยรุ่นได้ขว้างปาก้อนหิน ระเบิดขวด จุดประทัด และจุดไฟเผารถยนต์ 36 คัน ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายผู้ประท้วง การปะทะกันครั้งนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บถึง 64 นาย 5 นายมีอาการสาหัส เหตุจลาจลดังกล่าวเกิดขึ้นหลังวัยรุ่นอายุ 15 และ 16 ปี ขี่มอเตอร์ไซค์ชนกับรถสายตรวจของตำรวจเมืองวิลลิเยส์-เลอเบล ทำให้วัยรุ่นทั้ง 2 คนเสียชีวิต สร้างความไม่พอใจให้เพื่อนวัยรุ่นเนื่องจากเข้าใจว่าถูกรถตำรวจไล่กวด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้สั่งสืบสวนเรื่องนี้ และนำตำรวจ 2 นายที่อยู่ในเหตุการณ์ไปตรวจร่างกายแต่ไม่พบแอลกอฮอล์ในเลือด ผลการสืบสวนยังระบุวัยรุ่น 2 คน ที่เสียชีวิตไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ขี่เร็วเกินกำหนด ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่เป็นรถไม่จดทะเบียน และไม่ได้รับอนุญาตให้วิ่งบนถนนในปารีส ประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเยือนจีนอย่างเป็นทางการได้ขอร้องข้ามทวีปให้แก๊งวัยรุ่นอยู่ในความสงบ ขณะที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ครอบครัว ก็ช่วยวิงวอนให้ทุกคนร่วมมือให้สถานการณ์สงบ ขณะเดียวกัน รายงานประจำปีของหน่วยงานพยากรณ์อาชญากรรมแห่งชาติฝรั่งเศสระบุจำนวนอาชญากรรมรุนแรงใน 18 พื้นที่ รวมถึงฌองส์ เอลิเซส์ ในกรุงปารีสเพิ่มมากขึ้น.
ฝรั่งเศสเตรียมพร้อมรับมือระบบขนส่งสาธารณะหยุดชะงัก หลังแรงงานประกาศสไตรค์ทั่วประเทศ
รัฐบาลฝรั่งเศสเตรียมพร้อมเผชิญกับการคมนาคมขนส่งที่หยุดชะงัก อันเนื่องมาจากการนัดหยุดงานประท้วงโดยแรงงานทั้งในภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ หรือที่เรียกว่า "พฤหัสฯทมิฬ" ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากประชาชนชาวฝรั่งเศสถึง 3 ใน 4 และสหภาพการค้าหลักๆทุกกลุ่ม โดยพนักงานภาคขนส่งสาธารณะ ได้แก่ รถโดยสาร รถไฟ รถไฟฟ้าใต้ดิน และสายการบิน ทั้งในเมืองใหญ่และเมืองเล็กทั่วฝรั่งเศส วางแผนหยุดงานพร้อมกันเป็นระยะเวลา 36 ชั่วโมง เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการมากกว่านี้เพื่อรับประกันความมั่นคงในหน้าที่การงานและค่าจ้างของพวก แอร์ฟรานซ์กล่าวว่า สายการบินจะให้บริการเที่ยวบินทางไกลทั้งหมดตามปกติ แต่จะระงับเที่ยวบินระยะสั้น 30% เพื่อเป็นการ "ป้องกันไว้ก่อน นอกจากระบบขนส่งสาธารณะที่จะได้รับผลกระทบจากการสไตรค์ครั้งใหญ่นี้แล้ว บริการสาธารณะสุขและบริการด้านการศึกษาก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล ครูอาจารย์ นักเรียนนักศึกษา ข้าราชการหรือพนักงานของรัฐ ที่ทำการไปรษณีย์ พนักงานธนาคาร เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ และพนักงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ก็จะร่วมผละงานประท้วงครั้งนี้ด้วย โดยจะออกมารวมตัวกันตามท้องถนนตั้งแต่เวลา 20।00 น।ของวันพุธไปจนถึงเวลา 8।00 น.ของวันศุกร์ ผู้สื่อข่าวของบีบีซีรายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงชาวฝรั่งเศสกำลังแสดงความต้องการของตนเองท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่เลวร้าย ซึ่งชาวฝรั่งเศสเองเชื่อว่าปัญหาที่ลุกลามบานปลายนี้เกิดจากการรับมือวิกฤตได้อย่างย่ำแย่ของรัฐบาล โดยประชาชนจำนวนมากไม่พอใจที่ภาคธนาคารได้รับเงินช่วยเหลือหลายพันล้านยูโร แต่อุตสาหกรรมและธุรกิจอื่นๆที่กำลังวิกฤตหนักเช่นกัน กลับได้รับความช่วยเหลือเล็กน้อยกว่ามาก ขณะเดียวกัน เอริค โวเอร์ท รมว.คลังฝรั่งเศส ได้ออกมาประณามผู้จัดการประท้วง โดยกล่าวหาว่าเป็นตัวการปลุกกระแสในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังสั่นคลอน พร้อมกล่าวว่า มีวิธีอื่นๆอีกมากมายที่สร้างความเสียหายกว่าการหยุดงานประท้วง
วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2551
ข่าวBeaujolais Nouveau 2008 ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ
กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ มร. มาร์ค เบกาสาท ผู้จัดการใหญ่ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (ที่ 2 จากซ้าย) ให้การต้อนรับ ฯพณฯ โลรองต์ บิลลี่ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย (ที่ 3 จากขวา) และภริยา (ที่ 3 จากซ้าย) ในโอกาสฉลองงานเลี้ยง ‘Beaujolais Nouveau 2008’ ที่จัดขึ้น ณ ห้องอาหารเดจาวู และไวน์ ผับ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ เมื่อเร็วๆ นี้
อัลคาเทล-ลูเซ่น บริษัทผู้พัฒนาเครือข่ายโทรศัพท์พื้นฐานรายใหญ่ที่สุดในโลกของฝรั่งเศส เตรียมปรับลดพนักงานในระดับผู้จัดการ 1,000 ตำแหน่งตามแผนการปรับลดต้นทุนค่าใช้จ่าย 1 พันล้านยูโร (1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ใน 2 ปีข้างหน้า
นายเบน เวอร์วาเยน ซีอีโอของอัลคาเทลเปิดเผยว่า แผนการปรับลดพนักงานในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่เขาคาดการณ์ว่า ตลาดด้านอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมจะชะลอตัวลง 8-12% ในปีหน้า ซึ่งจากความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้พนักงานที่จะถูกเลิกจ้างมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 22,500 ตำแหน่ง ซึ่งรวมถึงการปลดพนักงานในส่วนของลูกจ้างชั่วคราว 5,000 ตำแหน่งในวันนี้ เวอร์วาเยน ระบุในแถลงการณ์ว่า "เราต้องตัดลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปให้มากขึ้นและเร็วขึ้น" ทั้งนี้ นายเวอร์วาเยนซึ่งเข้าดำรงตำแหน่งซีอีโอของอัลคาเทล-ลูเซ่นเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมาได้ดำเนินการยกเครื่องทีมงานฝ่ายบริหารหลังจากที่บริษัทขาดทุน 4.84 พันล้านยูโร นับตั้งแต่อัลคาเทลได้เข้าซื้อกิจการของลูเซ่น เทคโนโลยี อิงค์ เมื่อปี 2549 เพื่อท้าชนคู่แข่งอย่างอิริคสัน และหัวเหว่ย เทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม อัลคาเทล-ลูเซ่นเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ต้องเผชิญปัญหาการปรับลดมูลค่าทางบัญชีในธุรกิจอุปกรณ์ไร้สาย รวมทั้งต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กร โดยเมื่อวานนี้ มูลค่าหุ้นของอัลคาเทลร่วงลง 1.92 หมื่นล้านยูโร เหลือ 4.3 พันล้านยูโร และในปีนี้หุ้นของอัลคาเทลในตลาดหุ้นฝรั่งเศสดิ่งลงไปแล้ว 63%
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
อาหารฝรั่งเศสวันละสูตร
วันนี้เสนออาหารชื่อ Magret de canavd forestiere
ส่วนผสม
- อกเป็ด
- เห็ดหอมสด
- บราวซอส
- วิปปิ้งครีม
- เนย น้ำมันนิดหน่อย
เครื่องเคียง1
- มันฝรั่งปอกเปลือกสไลต้มพอสุกกะน้ำพอดีๆ
- เบคอนหั่นเป็นสี่เหลี่ยม
- หอมใหญ่หั่นสี่เหลี่ยม
- เกลือ
- เนย
- เนยผัดกับหอมใหญ่นิดหน่อยใส่เบคอน
- อบรวมกับมันฝรั่ง
เครื่องเคียง2
- ดอกกระหลำหั่นเป็นชิ้นต้มสุกจนเปื่อย
- นำมาผสมกับไข่,นม,เกลือ,พริกไทย,แป้งว่าวพอขลุกขลิก
- นำไปอบลักษณะจะคล้ายไข่ตุ๋น
วิธีทำ
- ตั้งน้ำมันและเนยนิดหน่อย
- บั้งอกเป็ดเป็นริ้วๆ
- ทอดพอสุกให้หนังเป็ดออกเกรียมนิดๆ
- นำเห็ดลงไปทอดด้วยพอเหลือง
- ใส่บราวซอส,วิปปิ้งครีม,เกลือ,พริกไทย
- อกเป็ดมาแล่จัดลงจาน
- ราดซอสเสริฟพร้อมมันฝรั่งอบและดอกกระหล่ำตุ๋น
ส่วนผสม
- อกเป็ด
- เห็ดหอมสด
- บราวซอส
- วิปปิ้งครีม
- เนย น้ำมันนิดหน่อย
เครื่องเคียง1
- มันฝรั่งปอกเปลือกสไลต้มพอสุกกะน้ำพอดีๆ
- เบคอนหั่นเป็นสี่เหลี่ยม
- หอมใหญ่หั่นสี่เหลี่ยม
- เกลือ
- เนย
- เนยผัดกับหอมใหญ่นิดหน่อยใส่เบคอน
- อบรวมกับมันฝรั่ง
เครื่องเคียง2
- ดอกกระหลำหั่นเป็นชิ้นต้มสุกจนเปื่อย
- นำมาผสมกับไข่,นม,เกลือ,พริกไทย,แป้งว่าวพอขลุกขลิก
- นำไปอบลักษณะจะคล้ายไข่ตุ๋น
วิธีทำ
- ตั้งน้ำมันและเนยนิดหน่อย
- บั้งอกเป็ดเป็นริ้วๆ
- ทอดพอสุกให้หนังเป็ดออกเกรียมนิดๆ
- นำเห็ดลงไปทอดด้วยพอเหลือง
- ใส่บราวซอส,วิปปิ้งครีม,เกลือ,พริกไทย
- อกเป็ดมาแล่จัดลงจาน
- ราดซอสเสริฟพร้อมมันฝรั่งอบและดอกกระหล่ำตุ๋น